เหยื่อรองหัวหน้าพรรค ล่าสุด ทนายตั้ม เผย หญิงไทยที่อังกฤษพร้อมดำเนินคดีข่มขืน

เหยื่อรองหัวหน้าพรรค ล่าสุด ทนายตั้ม เผย หญิงไทยที่อังกฤษพร้อมดำเนินคดีข่มขืน

ข่าวรองหัวหน้าพรรค ล่าสุด ทนายตั้ม ษิทรา เผย ผู้เสียหายคนไทยที่อังกฤษ โทรมาแฉพฤติกรรม รองหัวหน้าพรรคหื่น แต่มีหญิงไทยผู้กว้างขวางคนหนึ่งในอังกฤษ ทั้งโทร ทั้งมาหาที่ทำงาน ข่มขู่ให้ยุติการดำเนินคดี รองหัวหน้าพรรคที่เป็นข่าวตอนนี้ ยังคงพบเหยื่อซึ่งเป็นหญิงผู้เสียหายเพิ่มขึ้่นต่อเนื่อง โดยล่าสุด “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาโพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ วานนี้ (20 เม.ย.65) ระบุ เหยื่อรายล่าสุดเป็นคนไทยที่อังกฤษ ติดต่อมาเล่าพฤติกรรม รองหัวหน้าพรรคหื่น หลอกฝากเข้าทำงานกับธนาคาร แต่สุดท้ายล่อลวงเหยื่อไปกระทำการล่วงละเมิด

จากโพสต์ของ ทนายตั้ม เริ่มด้วยการ ระบุว่า 

“ผู้เสียหายคนไทยที่ประเทศอังกฤษ ขณะเกิดเหตุอายุ 25 ปี ได้โทรมาเล่าให้ผมฟังว่า รู้จักกับนักการเมืองหื่น ที่ประเทศอังกฤษขณะนั้นน้องเรียนปริญญาโท นักการเมืองคนนี้ฝึกงานที่ Bank of England และได้หลอกล่อว่าสามารถพูดคุยกับผู้บริหาร เพื่อให้น้องมาทำงานที่ธนาคารแห่งนี้ได้

หลังจากนั้นก็ได้มีการโทรคุยกันหลายครั้ง และได้มีการนัดหมายให้มาพบที่อพาร์ตเม้น ใกล้ Hyde Park เมื่อไปถึงปรากฎว่าไม่มีคนอยู่ จู่ๆนักการเมืองหื่นก็เข้ามาทำร้ายร่างกาย ลวนลาม และข่มขืน น้องสู้ไม่ได้ กรี้ดดังเท่าไหร่ก็ไม่มีคนได้ยิน

เคสนี้ได้มีการแจ้งความครับ น้องทราบว่านอกจากน้องยังมีผู้เสียหายอายุ 18 ปีอีกคน ไม่แน่ใจว่าชาติไหนแต่น่าจะเป็นคนเอเชีย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ Ealing Police Station เก็บหลักฐานทั้งเสื้อผ้า กล้อง CCTV ไว้ทั้งหมด

หลังเกิดเหตุน้องเล่าให้ฟังว่า น้องดิ่งมาก ครอบครัวเสียใจอย่างหนัก น้องถึงขนาดตัดผม โกนหัว น้ำหนักลดฮวบ เพราะอยากจะเปลี่ยนตัวเองทั้งหมด ไม่อยากเป็นคนเดิมอีกแล้ว น้องต้องลาออกจากงาน ย้ายเมืองไปอยู่ที่อื่น

แต่ที่น่าเศร้าที่สุด หลังจากน้องแจ้งความ มีผู้หญิงไทยผู้กว้างขวางคนหนึ่งในอังกฤษ ทั้งโทร ทั้งมาหาน้องที่ทำงาน ข่มขู่ให้น้องยุติการดำเนินคดี น้องปรึกษากับทางบ้าน กลัวแม่ที่อยู่เมืองไทยจะไม่ได้รับความปลอดภัย กลัวหลายๆอย่างเพราะนักการเมืองคนนี้มีคอนเนคชั่นในสถานทูตเยอะมาก

ในที่สุดน้องยุติการดำเนินคดีไว้ก่อน (ตามกฎหมายอังกฤษสามารถกลับมาดำเนินคดีได้) ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย และจิตใจที่ย่ำแย่

เพิ่มไม่หยุด! ตำรวจเผยเหยื่อแจ้งความ ‘ปริญญ์’ ขยับเป็น 18 ราย

เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาเปิดเผยว่ามี เหยื่อ เดินทางเข้าแจ้งความ ปริญญ์ รองหัวหน้าพรรค เพิ่มอีก รวมเป็น 18 ราย มีนอกประเทศรวมอยู่ด้วย

พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. ได้ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าของคดี นาย ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศหญิงหลายราย ว่าในขณะนี้ มีผู้เสียหายประกอบด้วยในพื้นที่ บช.น. 15 ราย ได้แก่ สน.ลุมพินี 14 ราย และ สน.ห้วยขวาง 1 ราย ผู้เสียหายใน จ.เชียงใหม่ 1 ราย, จ.เพชรบุรี 1 ราย นอกประเทศอีก 1 ราย รวม 18 ราย

พร้อมรับคำร้องทุกข์เพิ่ม 8 คดี จากเดิม 3 คดี โดยในจำนวนนี้ ขาดอายุความ 2 ราย ซึ่งทุกคดีแบ่งตามพฤติการณ์ก่อเหตุว่าเข้าข่ายอนาจารหรือข่มขืน ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคดีที่มีผู้เสียหาย 1 ราย ซึ่งปรากฏคลิปเสียงในข่าว เนื่องจากมีความลังเลใจในเรื่องความสัมพันธ์ เพราะหลังเกิดเหตุที่เหยื่อถูกกระทำก็ยังคงติดต่อกับผู้ต้องหา ภายหลังการพิจารณาแต่ละคดีแล้วเสร็จ หากมีพยานหลักฐานก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งสามารถออกหมายจับได้ในคดีที่มีโทษจำคุกเกิน 3 ปี

พล.ต.ต.ไตรรงค์กล่าวอีกว่า ในการตรวจค้นคอนโดฯที่เกิดเหตุในคดีข่มขืนที่ผ่านมา 1 ปี ในการตรวจสอบแม้จะหาหลักฐานได้น้อยก็ต้องทำ โดยได้เก็บวัตถุพยานต่างๆ ส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานทำบันทึกมาเปรียบเทียบคำให้การผู้กล่าวหา

ยืนยันว่า 3 คดีแรกของ สน.ลุมพินี ผู้กล่าวหายังคงยืนยันคำให้การเดิมว่าจะเอาผิดกับผู้ต้องหา ตำรวจจึงไม่หนักใจเพราะมีหลักฐานค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ที่กังวลคือข้อหาอนาจาร หากกระทำกันเพียงลำพัง สามารถยอมความได้ และคดีมีอายุความ 3 เดือน หากส่งสำนวนถึงอัยการ รวมถึงมีการไกล่เกลี่ย ผู้เสียหายสามารถไม่เอาความผู้ก่อเหตุได้

ส่วนคดีเมื่อปี 2563 ต้องสอบถามผู้เสียหายอีกครั้ง เพราะกลับมาให้การในลักษณะลังเลว่าจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีตำรวจชั้นนายพลพยายามไกล่เกลี่ยผู้เสียหายให้ไม่เอาผิดนั้น ยังไม่ทราบ ส่วนคดีที่มีผู้เสียหายอ้างว่าถูกวางยาได้รับเลขคดีไว้ตรวจสอบพยานหลักฐานแล้วว่าจะมีการเรียกหรือดำเนินการอย่างไรกับผู้ถูกกล่าวหาต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การประกาศลดระดับโควิด19 สู่โรคติดต่อเฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุข มีการผ่อนคลายทางนโยบายที่สอดคล้องกับที่ คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 65 ได้เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดโรคต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร หรือเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยมีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกโควิด19 ออกจากกลุ่มโรคต้องห้าม หลังจากที่ถูกกำหนดให้เป็นโรคต้องห้ามสำหรับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา โดยประกาศจะมีผลตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

นอกจากนีทาง กกต. ยังกำหนดแผนการหากเกิดการยุบสภาขึ้น โดย กกต. จะต้องกำหนดวันเลือกตั้งปี 2566 กรณียุบสภา ไม่น้อยกว่า 45 แต่ไม่เกิน 60 วัน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 103 กำหนด ซึ่งภายใน 5 วันนับแต่วันมีพ.ร.ฎ.ยุบสภา กกต.จะต้องประกาศกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป และวันสมัครรับเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษา

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป