ประยุทธ์ สั่งหน่วยงานร่วม พลิกโฉมประเทศไทย พร้อมการเปิดประเทศ ภายใต้แนวคิด Amazing Thailand, Amazing New Chapters น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยจากผลกระทบโรคโควิด-19 นั้น นายกรัฐมนตรีได้มีแนวนโยบายที่จะการเปิดประเทศครั้งนี้เป็นโอกาสที่ทุกภาคส่วนร่วมกัน “พลิกโฉมประเทศไทย” ยกระดับภารกิจที่ดูแลด้วยแนวทางใหม่ๆ เพื่อให้ประเทศไทยได้เข้าสู่วิถีใหม่ในทุกมิติ
“นายกรัฐมนตรีต้องการให้การเริ่มเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.
เป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกโฉมประเทศไทยในทุกมิติ ซึ่งในการประชุม ศบศ. นัดล่าสุดท่านก็ได้ฝากให้ทุกส่วนราชการช่วยกันหาแนวทางใหม่ๆ ในการทำงาน ทั้งส่วนที่ดำเนินการได้เลย และส่วนที่ใช้เวลาเช่นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ ที่จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนได้ระยะยาว” น.ส.ไตรศุลีกล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ขานรับนโยบายของนายกรัฐมนตรีด้วยการเปิดตัวแนวคิดการท่องเที่ยวไทยปี 2565 “พลิกโฉมการท่องเที่ยวใหม่” หรือ “Amazing Thailand, Amazing New Chapters” ที่ตอบสนองทุกความต้องการของนักท่องเที่ยว ด้วยเรื่องราวใหม่ๆ ที่มหัศจรรย์กว่าเดิม และมากกว่าที่เคยสัมผัส โดย ททท. จะเริ่มโปรโมทการท่องเที่ยวไทยตามแนวคิดดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเวลานี้จนต่อเนื่องถึงปี 2565
Amazing Thailand, Amazing New Chapters นอกจากจะเป็นแนวคิดที่เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีใหม่ (new normal) เน้นการดูแลสุขภาพอนามัย และความปลอดภัย ภาคธุรกิจปรับตัวนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการให้บริการ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ส่วนใหญ่ใช้งานออนไลน์เป็นหลักแเละลดความเสี่ยงโควิด-19
ทั้งนี้ ททท. ได้วางแนวคิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวนี้ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี โดยประเมินว่าภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังจากนี้จะไม่เหมือนเดิมเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป เข้าสู่การท่องเที่ยวแบบ new normal ธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนโมเดลใหม่ เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายจากเชิงปริมาณเป็นเชิงคุณภาพ เน้นตลาดที่หลากหลายทั้งนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกล เช่นยุโรป อเมริกา ตลาดระยะใกล้ จากเอเชีย อาเซียน ไม่พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง
‘ปิยบุตร’ ประกาศหมดเวลา ม.112 เผยปัญหาและการบังคับใช้
นาย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นข้อความที่นายปิยบุตรพูดถึง ม.112 ในไลฟ์ที่ผ่านมา โดยเลขาฯคณะก้าวหน้าระบุว่า หตุผล หลักการ สถิติ และหลักฐานเชิงประจักษ์ต่างๆ ให้เห็นว่าปัญหาของมาตรา 112 มีทั้งปัญหาตัวบทกฎหมาย การบังคับใช้ และอุดมการณ์เบื้องหลัง
1. ตำแหน่งแห่งที่ของมาตรา 112 อยู่ในหมวดของความมั่นคงในราชอาณาจักร เท่ากับว่าผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้กระทำผิดตาม ม 112 เท่ากับเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ผลที่ตามมาคือแนวทางการวินิจฉัยคดีต่างๆ นั้นจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ เน้นหนักไปที่การควบคุมอาชญากรรม หรือ crime control มากกว่ากระบวนการและการคุ้มครองสิทธิ หรือ due process of law
แนวทางของการใช้กฎหมายมาตรา 112 จึงเป็นไปในทิศทางที่มักจะไม่ค่อยให้ปล่อยตัวชั่วคราว หรือมีการเรียกหลักประกันชนิดที่สูงมาก ทั้งๆ ที่จริงแล้วการหมิ่นประมาทดูหมิ่นกษัตริย์ไม่ได้สัมพันธ์อะไรกับความมั่นคงในราชอาณาจักร
เราอาจจะบอกว่าสัมพันธ์กันได้ ถ้าประเทศไทยยังเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพราะ กษัตริย์เท่ากับรัฐ เมื่อหมิ่นกษัตริย์จึงกระทบต่อรัฐด้วย แต่วันนี้เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยแล้ว กษัตริย์ไม่ใช่รัฐ ไม่ใช่เจ้าของประเทศ การหมิ่นกษัตริย์ย่อมกระทบต่อกษัตริย์เท่านั้น ไม่ได้กระทบรัฐ
2. มาตรา 112 เขียนไว้ว่าผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาตร้าย ต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี
จะสังเกตได้ว่าไม่มีการแยกฐานความผิดอย่างชัดเจน นั่นคือหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาตร้าย เป็นการกระทำที่ไม่เหมือนกัน แต่พอเอามาเขียนปนยัดรวมกันไปอยู่ในมาตรา 112 ทั้งหมดแนวทางการใช้ก็จะปะปนกันไป
3. มาตรา 112 ไม่มีเหตุยกเว้นความผิดหรือยกเว้นโทษ ถ้าเราลองไปดูการหมิ่นประมาทบุคคลอื่นหรือตำแหน่งอื่นๆ จะมีกรณีเหตุยกเว้นความผิด เช่น หากการหมิ่นประมาทนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ เป็นไปเพื่อการติชมโดยสุจริต เป็นไปเพื่อรักษาระบอบการปกครอง จะต้องเป็นเหตุยกเว้นความผิด ส่วนเหตุยกเว้นโทษนั้น ก็คือถ้าพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่หมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง อาจจะผิดแต่ยกเว้นโทษให้ แต่มาตรา 112 ไม่มีเรื่องเหล่านี้เลย
4. อัตราโทษสูงมาก 3-15 ปี ซึ่งถ้าเราลองเปิดดูความผิดต่างๆ ในประมวลกฎหมายอาญา ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีโทษขั้นต่ำ หมายความว่าดุลพินิจของศาลจะลงโทษจำคุก 1-2 วันก็ได้ แต่พอเขียนระวางโทษเป็น 3-15 ปี ต่อให้ศาลเมตตาอย่างไรขั้นต่ำที่สุดก็จะลงที่ 3 ปี ซึ่งเป็นอัตราโทษที่สูงเกินไป
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป