ทางการ ญี่ปุ่น ประกาศใช้ ภาวะฉุกเฉิน เป็นเวลา 1 เดือนหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังเลวร้ายต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม สำนักข่าว เกียวโด รายงานว่า นาย โยชิฮิเดะ สุงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียว เมืองหลวงและจังหวัดเพื่อนบ้านอีก 3 แห่ง หลังจากที่ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่นยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง
ภาวะฉุกเฉินครั้งนี้จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม จนไปถึง 7 กุมภาพันธ์
หรือเป็นระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือน ซึ่งทางการญี่ปุ่นจะร้องขอให้ร้านอาหารและผับบาร์ปิดในช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม และร้องขอให้ประชาชนงดรวมตัวโดยไม่มีเหตุจำเป็น ขณะที่การจัดการแข่งขันกีฬาต่างๆ จะถูกจำกัดไม่เกิน 5,000 คนเท่านั้น
ซึ่งทางการญี่ปุ่นได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญมาตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาๆเพื่อหาวิธีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยที่สร้างผลกระทบกับเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความกังวลว่ามาตรการของทางการญี่ปุ่นอาจจะไม่เพียงพอ และไม่สามารถสกัดการแพร่ระบาดได้ เนื่องจากไม่มีบทลงโทษผู้ที่ละเมิดคำขอร้องของรัฐบาล
ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยเกียวโตได้วิเคราะห์ว่ายอดผู้ป่วยต่อวันในกรุงโตเกียวอาจสูงถึง 3,500 รายต่อวันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และอาจแตะ 7,000 รายต่อวันในช่วงเดือนมีนาคมนี้ ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นมียอดผู้ป่วยสะสม มากกว่า 250,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสราวๆ 3,700 ศพ โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านทางการโตเกียวเจอผู้ป่วยใหม่มากกว่า 1,500 ราย
ด้านนาย ทรัมป์ ได้โพสต์คำแถลงการถึงความพ่ายแพ้ครั้งนี้ว่า แม้เขาจะไม่พอใจกับผลการเลือก แต่เขาจะส่งทอดอำนาจให้กับนาย ไบเดน ในวันที่ 20 มกราคม ที่จะถึงนี้ โดยเขาจะคงต่อสู้ต่อไปเพื่อให้มีการนับผลโหวตทุกเสียง และเป็นตัวแทนของการสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ นี่คือจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ทั้งนี้นาย ทรัมป์ ได้ฝากให้นาย แดน สคาวิโน เป็นผู้โพสต์ข้อความแทน เนื่องจากเขาถูกสื่อสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ระงับเป็นระยะเวลา 12-48 ชั่วโมง หลังจากที่เขาสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม นาย โจ ไบเดน มีกำหนดสาบานเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
UAE หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ทำการทดลอง วัคซีนโควิด สองชนิด ได้แก่ วัคซีนจากประเทศรัสเซียและจีน เมื่อวันที่ 7 มกราคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE ได้เริ่มทดสอบวัคซีนโควิด สปุตนิก ไฟว์ (Sputnik V) เฟสที่ 3 ซึ่งเป็นการทดลองกับอาสาสมัครในวงกว้าง โดยการทดลองครั้งนี้มีอาสาสมัครเข้าร่วมมากกว่า 500 คน
ซึ่งผู้เข้าร่วมการทดลองต้องมีอายุมากกว่า 18 ปีและไม่เคยมีประวัติป่วยเป็นโรคโควิด-19 มาก่อน โดยอาสาสมัครจะได้รับโดสวัคซีนต้านโควิด-19 เป็นจำนวน 2 โดส โดยทั้ง 2 โดยมีระยะเวลาห่างกัน 20 วัน
นอกจากการทดลองวัคซีน สปุตนิก ไฟว์ แล้ว ทาง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยังได้ทำการทดลองวัคซีน ซิโนแวค ของจีนในเฟส 3 อีกด้วย โดยทางการได้ทำการอนุมัติให้ประชาชนที่ต้องการวัคซีนสามารถเข้าฉีดวัคซีนได้โดยไม่มีค่าบริการ อย่างไรก็ตามทางการตั้งเป้าจะให้กลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนก่อน
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 218,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้วเกือบ 700 ศพ ซึ่งทางการตั้งเป้าว่าประชาชนมากกว่าร้อยละ 50 จะได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ก่อนช่วง 3 เดือนแรกของปี
ยอดตาย บุกสภาสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 4 ศพ
ยอดตาย จากเหตุ บุกสภาสหรัฐฯ ปรับขึ้นจาก 1 ศพ เป็น 4 ศพ พร้อมรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ชุมนุมแล้ว 52 ราย เมื่อวันที่ 7 มกราคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี ได้เปิดเผยว่ายอดผู้เสียชีวิตจากเหตุ ผู้สนับสนุนทรัมป์ติดอาวุธบุกสภา ขยับเพิ่มขึ้นจาก 1 ศพเป็น 4 ศพ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าผู้เสียชีวิตตายจาก “ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์” และระบุว่าไม่มีความเกี่ยข้องกัน
นอกจากนี้ทางการยังได้เปิดเผยถึงรายละเอียดของหญิงที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุความรุนแรงครั้งนี้ ว่าผู้ตายเป็นหนึ่งในผู้ชุมนุมที่พยายามบุกรุกเข้าไปในที่ประชุม ยืนยันคะแนนโหวตของคณะผู้เลือกตั้ง เพื่อยืนยันว่า โจ ไบเดน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและกลุ่มผู้ชุมนุมเผชิญหน้ากัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ยิงใส่ผู้ชุมนุม ก่อนโดนหญิงคนดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้รีบนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่เปิดเผยชื่อของผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตามสื่อหลายสำนักสามารถระบุตัวตนของผู้ตาย พร้อมระบุว่าเป็นทหารผ่านศึกมาก่อน
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ชุมนุมแล้ว 52 ราย โดยในจำนวนดังกล่าวมี 47 รายถูกจับกุมในข้อหาละเมิดคำสั่งเคอร์ฟิว ด้านเจ้าหน้าที่ระบุว่าตลอดชีวิตการทำงานของพวกเขามาเขาไม่เคยได้รับสายร้องเรียนจากประชาชนว่า ฟ้าผ่าส้วม มาก่อนในชีวิต
รวมถึงยังมีการเล่าวินาทีที่ขี้บนเตียงอีกด้วย โดย เดปป์ กล่าวหาว่า เฮิร์ด หรือ เพื่อนของเธอขี้บนเตียงเขา หลังจากที่พวกเขามีปากเสียงกันภายในวันเกิดของเธอ
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป